แลตสิบ เป็นชื่อเรียกของหมายตกปลา ในทะเลกลางอ่าวไทย ที่เส้นรุ้งสิบองศาเหนือ ถ้านั่งเรือจากชายฝั่ง ภาคตะวันออกของประเทศ ต้องใช้เวลานานนับสิบชั่วโมงขึ้น กว่าจะไปถึงที่นั่น จึงเป็นที่ใฝ่ฝัน ของนักตกปลาหลายคนๆ ว่าขอสักครั้งหนึ่ง ที่จะได้เดินทางไปถึง
ผมเคยไปทัวร์ตกปลาลงเรือที่จังหวัดตราด จะออกไปหมายแลตสิบ คนในเรือด้วยกัน โทรเช็ดลมฟ้าอากาศจากกรมอุตุฯ ทราบว่าบริเวณกลางอ่าวไทยด้านนอก คลื่นใหญ่สามถึงสี่เมตร ก็ปรึกษากันว่า จะออกไปดีหรือไม่ออก
ในขณะเรือแล่นอยู่บริเวณเกาะช้าง มีเกาะบังลม คลื่นจึงเรียบ ทุกคนก็บอกว่า ไหนๆมาแล้วออกไปเถอะ มองๆไปคลื่นก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่ พยากรณ์อากาศเมืองไทย บางครั้งก็เชื่อมากไม่ได้ บอกว่าฝนจะตกก็ไม่ตก เราทุกคนก็พูดปลอบใจตัวเองกันแบบนี้ แล้วสั่งให้กัปตันเรือเดินหน้าเต็มตัว จุดหมายปลายทางที่แลตสิบ
ตามหมายกำหนดการ เรือจะต้องถึงที่หมายแลตสิบตอนตีหนึ่ง แต่ในระหว่าง เรือแล่นผ่านเกาะกูดไปไม่ไกล ก่อนที่จะออกกลางทะเลอ่าวไทย ประมาณครึ่งทาง ขณะนั้นก็เกือบจะเที่ยงคืน คลื่นก็เริ่มใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีฝนตกหนัก เรือก็ยังเดินหน้าต่อไป ไม่มีคำว่าเลี้ยวกลับ หลายคนรวมทั้งผม นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือไม่ได้ ต้องหลบลมหลบฝนเข้าไปในห้องพักท้องเรือ แล้วผมก็ล้มตัวนอน หลับๆตื่นๆ เพราะเรือทั้งโยกทั้งกระแทกคลื่น
นอนกลิ้งไปกลิ้งมา จนสักพักผมก็สุดที่จะทน เหตุเพราะลมในท้องตีขึ้นมา ทำให้พะอืดพะอม รีบลุกวิ่งขึ้นมาด้านบนของเรือ เพื่อที่จะอาเจียน แต่ก็ไม่ทันมันพุ่งออกมาเสียก่อน ก่อนที่ผมจะวิ่งก้าวพ้นบันได ก็เลอะเทอะเปอะเปื้อนเรือเขาสิครับ ต้องตักน้ำมาล้างเป็นที่อับอายขายขี้หน้า คนที่เคยออกทะเลมาตั้งนาน ไม่เคยเมาคลื่นเมาเรือ แต่มาครั้งนี้เสียรูปมวยหมดสภาพ
เมื่ออาเจียนเสร็จก็เดินขึ้นมาหาเพื่อน ซึ่งนั่งอยู่ด้านบนของเรือ ถามว่าเรือถึงไหนแล้ว ดูนาฬิกาขณะนั้นตีหนึ่งกว่าๆ เพื่อนบอกว่า เรือเลี้ยวกลับมาครู่หนึ่งแล้วว่ะ ไปไม่ไหวแล้วแลตสิบ ผมจึงหันมองไปทั่ว เห็นถึงอาการของคน ที่ยังสู้ลมสู้ฝนบนดาดฟ้า บางคนก็ใส่เสื้อชูชีพ บางคนก็นั่งกอดถังน้ำ คงคิดว่าถ้าเรือจม ถังใบนั้นน่าที่จะช่วยชีวิตได้ ทั้งหมดถ้าผมตาไม่ฝาด ทุกคนอยู่ในอาการหน้าซีด เพราะกลัวเรือล่มจมน้ำตาย
จนเรือแล่นเข้าสู่เส้นทาง ข้างเกาะกูดอีกครั้ง เริ่มจะมีที่บังลม คลื่นก็ลดน้อยลงทุกคนโล่งอก รอดตายแล้วเรา ในที่สุดก็ต้องมาจอดเรือนอน และหาตกปลาข้างๆเกาะกูด แล้วก็แล่นเรือกลับเลาะมาแถวๆ เกาะช้างในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ในสามวันของทริปนี้ เพราะยังไปไม่ถึงแลตสิบ
สรุปไปทริปตกปลาเที่ยวนั้น สองคนผมกับเพื่อน โดนไปหมื่นบาทกว่าๆ ทั้งไปทั้งกลับ รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต้องทนนั่งตกปลานกกะริง ปลาขี้เหม็น มาทอดกินกันบนเรือ ถังแช่ปลาใบใหญ่ที่เตรียมไป ตามคำแนะนำ ที่คนจัดทริปเขาบอก ว่าต้องเตรียมหาถังใบใหญ่มา ถ้าใบเล็กก็จะใส่ปลาไม่หมด ก็ต้องนำถังเปล่าๆกลับบ้าน และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ยังไม่เคยได้ไปตกปลาที่จังหวัดตราดอีกเลย ครั้งนั้นเป็นครั้งแรก แล้วก็เป็นครั้งสุดท้าย จนทุกวันนี้ ผมก็ยังไปไม่ถึงแลตสิบ
18 กรกฎาคม 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นได้ เฉพาะผู้ที่มีบัญชี Google